ต้องบอกเลยว่าการที่บอนด์ยิลด์ไต่สูงขึ้นมาส่งผลให้ความน่าสนใจเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นลดลงตามไปด้วย บอนด์ยิลด์ 10 ปี ของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีการไต่ระดับขึ้นมาจาก 2% นิดๆ เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2560 ก่อนมีการปิดเมื่อสิ้นปีที่ 2.4% ทว่าล่าสุดค่ายังขยับอย่างต่อเนื่องขึ้นมาอยู่ในระดับ 2.65% แต่ต้องบอกว่ามันยังคงอยู่ท่ามกลางแง่บวกของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงความคาดหวังด้านการปฏิรูปมาตรการภาษี ในทางตรงกันข้ามเรื่องดัชนีหุ้นที่ไล่ระดับสูงขึ้นมาเร็วมากระหว่าง 2-4 เดือน ส่งผลให้ค่าพีอีตลาดหุ้นในไทยขยับตัวเพิ่มขึ้นมาก ค่าอีพีที่มีการใช้กำไร 4 ไตรมาสย้อนหลังมีการขยับจากต่ำกว่า 17 ตอนต้นเดือนกันยายน ปีที่แล้ว เป็น 19.8 เท่า
จากค่าพีอีที่สูงมากขึ้นส่งผลให้มันไปดึงค่า Earning Yield ให้ต่ำลง เพราะค่านี้ถือเป็นส่วนกลับของค่าพีอี มีการตีความในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ค่าชดเชยความเสี่ยงอันเกิดจากการวัด Earning Yield หักออกด้วยบอนด์ยิลด์ 10 ปี จึงทำให้ค่านั้นมันลดลงตลอด ส่วนค่าชดเชยเฉลี่ยนับตั้งแต่ปี 2000 เรื่อยมาจะอยู่ที่ 4.9% ทว่าล่าสุดกลับหดตัวเหลือแค่ 2.35% ว่ากันว่าขนาดให้เลือกใช้กำไรปี 2561 ที่ลดค่าพีอีให้เหลือ 16.2 เท่า ทว่าค่าชดเชยความเสี่ยงมันก็ยังอยู่ที่ 3.8% ซึ่งก็ต่ำกว่าระยะยาว
ช่วงก่อนนี้เศรษฐกิจในทุกภูมิภาคของโลกค่อนข้างแสดงสัญญาณชัดเจน ในเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ไปในทิศทางเดียวกัน มีหลายภูมิภาคที่โตแบบก้าวกระโดดด้วยซ้ำส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเองมีโอกาสปรับขึ้นด้วย ความต้องการด้านการขยายตัวดูแล้วก็ดีเกินคาดตามลักษณะเศรษฐกิจของโลก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันบรรดาราคาโภคภัณฑ์ต่างๆ ให้ปรับระดับขึ้นสูจุดสูงสุดมากๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา มุ่งเน้นไปที่ถ่านหินกับน้ำมันเป็นหลัก
หากมองในทิศทางเชิงบวก การประมาณกำไรของบริษัทในตลาดคาดว่าน่าจะปรับตัวสูงขึ้น เน้นหนักไปที่กลุ่มหุ้นพลังงานด้านลบ อัตราเงินเฟ้อเองก็มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอันจะเพิ่มแรงกดดันให้กับอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม ทว่าถือเป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตาในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าให้ดี จากมุมมองบวกกับเศรษฐกิจส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากในช่วงหลายเดือนมานี้ ยิ่งเป็นหุ้นนักลงทุนหลายคนเข้าข่ายในกลุ่มอยากเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น จากสถานการณ์ที่นักลงทุนเองค่อนข้างมีความเชื่อมั่นสูง การเรียกร้องค่าชดเชยความเสี่ยงก็ต้องลดลงด้วยเป็นเรื่องธรรมดา สรุปคือหากระยะยาวยังมองเป็นขาขึ้นได้แต่ระยะสั้นควรมีแผนในการรองรับกรณีผันผวน